แหลมตาชี

Thailand / Pattani /
 cape (geography) (en)  Add category

แหลมตาชีหรืออีกชื่อหนึ่งคือ แหลมโพธิ์ เป็นแหลมทรายสีขาวยื่นออกไปในทะเล ส่วนที่ยื่นออก
ไปจะค่อยๆ แคบ และโค้งเป็นจะงอย ซึ่งเป็นลักษณะภูมิประเทศแบบหนึ่งที่สวยงามมาก
Nearby cities:
Coordinates:   6°55'58"N   101°14'12"E

Comments

  • หน้าตาแหลมตาชี คล้ายๆ กับกรณีของแหลมตะลุมพุกเลยใช่ไหมครับ ส่วนใหญ่บริเวณอีกฝั่งที่ปลายแหลมชี้ไป จะเป็นบริเวณที่ดินงอกออกไป ดินนั้นมาจากไหน ก็จากตะกอนที่มีการพัดพาไปถมไว้ตามชายฝั่งนะครับ แต่ที่ปัตตานีจะพิเศษหน่อยที่มีตะกอนจากแม่น้ำไหลลงสู่อ่าวปัตตานีด้วย เลยมีชายหาดทะเลโคลนเกิดขึ้นบริเวณมหาวิทยาลัย สำหรับทางแก้ใน เรื่องนี้ คงมีหลายๆ วิธีและแต่ละวิธีก็จะมีข้อดีข้อเสียเหมือนกัน แต่วิธีที่น่าจะยั่งยืนมากที่สุดก็คงเป็นการปลูกป่าในแนวชายฝั่งที่มีการ ยื่นแผ่นดินออกไปในทะเล เพื่อรองรับหรือดูดซับพลังงานคลื่น ไม่ให้หลุดผ่านไปกระทบฝั่ง และป้องกันการชนชายฝั่งแล้วเกิดกระแสน้ำที่กลายเป็นสาเหตุของการกัดกินชาย ฝั่ง หากจำกรณีสึนามิได้ จะเห็นว่าบริเวณไหนที่มีชายป่าสีเขียวหรือป่าหนาแน่นบริเวณชายฝั่ง เช่นป่าโกงกาง คลื่นพวกนี้จะกลัว เพราะคลื่นพวกนี้จะผ่านป่าเหล่านี้ไปไม่ได้ เพราะรากของโกงกางนะครับ เห็นโครงสร้างของต้นไม้ชนิดนี้แล้วบอกว่า สุดยอดครับ ทั้งนี้ระบบการขยายพันธุ์ ธรรมชาติของต้นไม้โกงกางได้ออกแบบและพัฒนามาชนชาญฉลาดมาก ก็คือ ว่าหากบริเวณไหนเป็นดินที่นิ่ม เมื่อใดที่ฝักโกงกางตกลงไปมันจะปักติดดินอยู่เลยแล้วส่วนที่ปักลงไปในดินก็ เป็นส่วนที่จะเกิดรากต่อไป และมีรากจากส่วนบนด้วย วิ่งลงมาช่วยพยุงลำต้นอีกทีหนึ่ง แล้วด้านบนก็จะกลายเป็นลำต้นต่อไป ที่สุดยอดไปกว่านั้นคือรากโกงกางพวกนี้ มีการพัฒนาให้เป็นรากที่หายใจได้ด้วย ยังกะปลาตีนเลย หายใจทางผิวหนังได้ด้วย (ปลาตีนเป็นปลาสะเทิร์นน้ำสะเทิร์นบก อาศัยอยู่ตามป่าชายเลน มีตาโปนๆ น่ารักสุดๆ) การแก้ปัญหาโดยการเติม ทรายบริเวณหน้าหาดที่โดนกัดเซาะ ก็เป็นอีกทางหนึ่งเพื่อชะลอการกัดเซาะแต่ตัวทรายอาจจะมีการเคลื่อนย้ายไป เป็นอย่างไรก็อยู่ที่ลักษณะของชายฝั่งด้วยครับ ปกติชายหาดที่ราบเรียบไม่ชันมากนัก มักจะอยุ่กับเราไปนาน เพราะว่าคลื่นที่วิ่งเข้ามามันจะมีการแตกกระจายก่อนจะเข้าชนฝั่งคือพลังงาน จะลดน้อยลงเรื่อยๆและหมดไปในที่สุดเมื่อมาถึงปลายชายหาด ส่วนกรณีที่ฝั่งชันมันจะชนแล้วแตกเป็นกระแสน้ำ ดังนั้นฝั่งจะมีโอกาสในการโดนทำลายสูงกว่าหาดแบบลาดเรียบ แต่หากสึนามิมาบริเวณหาดที่ราบเรียบ คลื่นจะวิ่งเข้าไปในแผ่นดินได้ง่ายกว่าเช่นกัน เพราะสึนามิมีพลังงานสูงมากเกินกว่าคลื่นธรรมดาจะเทียบเทียมได้ การ สร้างเขื่อนกั้นคลื่น กรณีนี้ก็สามารถทำได้ แต่ (ย้ำนะครับ ว่าแต่) เพราะว่า หากเราไม่ศึกษาตัวสิ่งแปลกปลอมที่จะเอาไปวางตามแนวชายหาดนั้น แล้วตัวเขื่อนนั้นไม่สามารถจะดูดซับพลังงานได้หมด แล้วสะท้อนกลับออกไปแล้วนั้นจะอันตรายต่อบริเวณใกล้เคียงดังที่เห็นตัวอย่าง ใน ภาพที่สงขลานะครับ มันจะกัดกินเพราะว่าคลื่นพอชนของแข็งแล้ว มันจะมีคุณสมบัติในการเลี้ยวอ้อมได้ครับ ลองจินตนาการเกาะฮาวายก็ได้ครับ ในแปซิฟิก คลื่นสึนามิที่เคยเกิดที่ชิลีเมื่อปี 1960 มันวิ่งผ่านเกาะฮาวายแล้วนึกว่าจะวิ่งผ่านไปแล้ว แต่มันก็เลี้ยวแล้วหมุนอยู่รอบเกาะทำให้คนโดนอีกรอบครับ (ดูจากสารคดีที่ออกในทีวีเยอรมันนะครับ) ดังนั้นต้องทำการวิจัยโดยเฉพาะการจำลองแบบทางคณิตศาสตร์ครับ ในเรื่องการจะสร้างสิ่งแปลกปลอมที่ชายหาดนะครับ แม้ว่า ทรายหรือตะกอนไม่มีการสูญหายก็จริงครับ แต่จะมีการถูกพัดพาจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง บางคนพูดว่า ได้มาเสียไป หากไม่ดูแลชายหาดให้ดีและเข้าใจธรรมชาติของคลื่น เราก็จะเสียชายหาดที่งอกมาไปอีก เพราะมันเปลี่ยนได้ตามปัจจัยดังที่ ดร.วัฒนาได้กล่าวไว้แล้วครับ ที่พูดมาทั้งหมดนี่ ไม่ใช่มาหาคนผิดครับ และผมเองก็ไม่ได้จะสร้างปรปักษ์กับใครนะครับ เพียงแต่ว่าหากเป็นไปได้ ควรจะมีการศึกษาอย่างจริงจังและจริงใจต่อประชาชน ในระดับ อบต. อบจ. ก็ต้องทำงานร่วมกันกับนักวิจัยและอาจจะมีกฏหมายดังที่ ดร.วัฒนากล่าวไว้ก็ดีครับ เพื่อเอาไว้ใช้และดูแลชายฝั่งของบ้านเราต่อไป ไม่งั้นวันหนึ่งเราจะลำบากมากกว่านี้ และการกัดเซาะมันขึ้นกับปัจจัยลมด้วยครับ เพราะลมที่พัดมาจากทะเลจีนใต้ พัดผ่านมาที่อ่าวไทย มันทำให้เกิดคลื่น ลมทำให้เกิดคลื่น (นึกถึงในหนองน้ำก็ได้ครับ เวลาลมพัดมาเราจะเป็นริ้วคลื้นน้ำเล็ก ที่เรียกว่า Ripple) ลมพัดเข้ามาคลื่นส่งออกไปต่อ ส่งต่อไปเรื่อยๆ จนไปถึงชายฝั่งบ้านเราไงครับ กลายเป็นพลังงานที่สะสมและส่งมาอย่างต่อเนื่อง ก็เกิดเป็นพวกคลื่นใต้น้ำที่เรียกว่า สเวล swell ไงครับ (จริงๆสึนามิก็เป็นคลื่นใต้น้ำ แต่พลังงานมันมหาศาลกว่า คิดดูครับ ซัดรถไฟขาดท่อน กระจัดกระจายได้ ก็ไม่ธรรมดาหล่ะครับ) สิ่งที่ผมจะ เน้นคือการปลุกป่าบริเวณชายฝั่ง โดยเน้นบริเวณที่เป็นส่วนที่ยื่นออกไปในทะเลครับ เพราะตรงนั้นจะรับคลื่นมากกว่าบริเวณชายหาดแบบเว้า concave เพราะมันจะทำให้คลื่นกระจาย สำหรับความสำคัญของคณิตศาสตร์และการ จำลองแบบมีความสำคัญต่อการนำมาประยุกต์และช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิด เช่นปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งได้ครับ ดังนั้น หากมีการสร้างคันกันคลื่นแบบเรียบราบ ไม่มีการออกแบบที่ดี ผลกระทบก็จะเกิดตามมาครับ อีกไม่นานและไม่ช้า ดังตัวอย่างที่กล่าวไว้ด้านบนครับ จากแนวคอนกรีตที่เราเห็นกันแถวๆ ชายหาดวันหนึ่งมันจะไปอยู่ในทะเล (ไม่ใช่ว่า คลื่นมันดึงแนวคอนกรีตลงไปนะครับ แต่เป็นเพราะชายหาดโดนกินเข้าไปเรื่อยๆ แล้วคนก็ต้องถอยร่นกันออกมา ส่วนคอนกรีตสร้างไว้ตรงไหนมันก็อยู่ตรงนั้นหล่ะครับ) ผมอยากให้ ประเทศไทย มีการรณรงค์ปลูกป่านะครับ ก่อนที่เราจะสายเกินไปครับ ไม่ใช่แค่ชายฝั่งนะครับ ตรงไหนก็ได้ครับ ปลูกไปให้เยอะๆครับ อีสานก็ปลูกให้เต็มไปเลยครับ น้ำมันจะไม่ได้ท่วม ต่อให้มันท่วมต้นไม้ก็จะเป็นเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ให้เรา ซึ่งต้นไม้จะสูบน้ำทั้งวันและคืน แต่แสงอาทิตย์ช่วยเราได้แค่กลางวันเท่านั้น หากกลางวันไม่มีแสงอาทิตย์ ต้นไม้เท่านั้นที่จะช่วยได้ ต้นไม้จะดูดน้ำจากดินขึ้นไปปล่อย ผ่านทางท่อน้ำเพื่อเอาน้ำไปคายทางปากใบนะครับ โดยมันจะดูดแล้วคายทิ้งประมาณ 99% ส่วนแค่ 1% นั้นมันใช้เพื่อการสังเคราะห์แสงนะครับ เห็นแล้วต้นไม้สำคัญมากใช่ไหมครับ ปลูกต้นไม้กันเถิดครับแล้วท่านจะไม่จน ไม่มีเงินในกระเป๋าแต่ก็มีอาหารให้กระเพาะของเราย่อยได้ ไม่มีแสงอาทิตย์ ไม่มีต้นไม้ ไม่มีต้นไม้ ไม่มีชีวิต อิๆๆๆ ยาวมากๆ เลยผมคิดว่า บทความนี้ คิดดูครับ พูด จากปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง มาออกการปลูกป่า แล้วผสมไปด้วยคณิตศาสตร์นิดๆครับ ไม่อยากจะใส่คณิตศาสตร์มากๆ เกรงว่าจะน่าเบื่อไปครับ เพราะสมการคลื่นเป็นสมการเชิงอนุพันธ์นะครับ ไว้ โอกาสหน้าจะรับใช้บริการใหม่ครับ สิ่งที่เขียนมาทั้งหมด โปรดใช้วิจารณญาณในการทำความเข้าใจ อาจจะมีส่วนหนึ่งส่วนใดผิดไป จงอย่าเชื่อทั้งหมด เพราะผมก็แค่นักวิจัยธรรมดาที่ยังด้อยประสบการณ์ครับ
This article was last modified 14 years ago